วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ : กว่าจะได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ตอนที่ 2

ตอนนี้ก็มาถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบรอบที่สองแล้วนะครับ จากที่กล่าวไปในตอนที่แล้วว่า ต่อให้เตรียมตัวสอบรอบสองอย่างไร แต่ถ้าสอบภาควิชาการในรอบแรกไม่ผ่าน ก็ไม่มีประโยชน์ต่อการสอบเลยนะครับ

แต่ก็ไม่ใช่การเตรียมตอบสอบรอบสองนั้นไม่สำคัญ ควรเตรียมร่างกายแต่พอดี ออกกำลังกายบ้าง ไม่ใช่ว่าอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ออกกำลังกายเลย หรือออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง เตะบอลจนเย็นจนค่ำ สุดท้ายเหนื่อยอาบน้ำนอน ไม่ได้อ่านหนังสืออีก ยังไงๆ ก็เดินทางสายกลางละกันนะครับ

หลังจากสอบภาควิชาการเสร็จแล้ว กว่าจะประกาศผลก็อีกประมาณ 2 สัปดาห์นั่นแหละครับ โดยจะประกาศผลสอบทางอินเตอร์เน็ตในช่วงก่อนวันสงกรานต์ ช่วงหลังสอบรอบแรกเสร็จเนี่ยแหละครับ ค่อยเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง แอดมินว่าจะได้ผลดีมาก ๆ เนื่องจากก่อนสอบรอบแรกเราได้ออกกำลังกายมาได้ประมาณหนึ่งแล้ว ช่วงนี้ก็จะเป็นการเพิ่มกำลัง เพิ่มสกอร์ในท่าต่าง ๆ แต่ถ้าใครไม่เคยออกกำลังกายมาเลย แล้วเพิ่งมาเริ่มช่วงนี้ เหนื่อยแน่ครับ ขอบอก

สำหรับการสอบรอบที่ 2 พอจะสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้ครับ
1.การตรวจร่างกาย หรือตรวจโรค
2.การทดสอบความถนัดและวิภาววิสัย
3.การสอบพลศึกษา
4.สัมภาษณ์ ท่วงทีวาจาและความเหมาะสม

1.การตรวจร่างกายหรือตรวจโรค
เพื่อตรวจสุขภาพและตรวจหาโรค ซึ่งเป็นลักษณะของโรคที่ต้องห้าม ขัดต่อการรับราชการทหารตำรวจครับ มีเยอะแยะมาก ๆ ซึ่งแต่ละโรคก็ไม่ค่อยมีคนเป็นหรอกครับ แต่มักจะตกกันบ่อย ๆ ก็จะเป็นสายตาสั้น ตาบอดสี ฟันผุแล้วยังไม่ได้อุด ผมเองก็เห็นในเว็บบอร์ดโรงเรียนเตรียมทหารน่ะครับ ชอบถามกันบ่อย ๆ ว่าผมเป็นแผลตรงนั้นตรงนี้ สอบได้ไหมครับ แอดมินขอตอบเลยว่า ถ้าเป็นแผลเป็นนิดหน่อย ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตโอเวอร์ก็ไม่มีปัญหานะครับ

ประสบการณ์สิบปีที่ผ่านมา เคสที่ผมเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกจากเด็กนักเรียนที่ผมสอนปีที่แล้ว ซึ่งสามารถสอบติดทั้ง 4 เหล่า พอรอบสองเลือกสอบเหล่าตำรวจ ซึ่งได้ลำดับที่ดีที่สุด รอบสองก็ผ่านทุกอย่าง แต่ไปตกตรวจโรค ซึ่งหมอวินิจฉัยว่า "เท้าแบน"

ตอนแรกผมก็งงว่าเท้าแบนคืออะไร พอไปดูเท้าของเจ้าตัว ก็ถึงบางอ้อ ลองนึกภาพนะครับ ยกเท้าตัวเองขึ้นมาดูก็ได้ ข้างใต้เท้าด้านในของเรา ปกติมันจะเว้าใช่ไหมครับ ถ้าเราเอาเท้าวางบนพื้น ก็จะเอานิ้วสออดเข้าไปได้ แต่เท้าแบนนี่คือใต้เท้าเราจะเสมอกันไปหมดเลย ไม่มีการเว้าที่ข้างเท้าด้านใน ใครนึกไม่ออกก็ดูภาพประกอบนี้ครับ


หมอบอกว่าโรคเท้าแบนขัดต่อการเป็นทหารตำรวจก็เพราะ หากยืนเดินหรือวิ่งนาน ๆ จะปวดเมื่อย และเป็นอุปสรรคด้วยครับหากต้องไปทำภารกิจที่ภูมิประเทศยากลำบาก

การตรวจร่างกายนี้ไม่มีการคิดคะแนนนะครับ มีแค่ "ผ่าน" กับ "ไม่ผ่าน" เท่านั้น

2.การทดสอบความถนัดและวิภาววิสัย
เป็นการทดสอบสมอง ความจำ ความรุ้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของบุคคลครับ อาจเป็นแบบทดสอบบางอย่าง คำถามวกไปวนมาบ้าง แอดมินขอแนะนำว่า อย่าไปเครียดมากกับแบบทดสอบอย่างนี้ครับ ทำใจให้สบาย ๆ ไม่เครียด ไม่ซีเรียส ไม่คิดมาก เห็นอย่างไรตอบไปอย่างนั้น ข้อสอบแบบนี้แอดมินเคยเจอมาแล้วทั้งการสอบเข้าเตรียมทหาร และการสอบเป็นนักบิน ขอบอกว่าการสอบเป็นนักบิน ทำแบบทดสอบปวดหัวกว่ามากครับ เพราะงั้นข้อสอบสำหรับเด็กสอบเข้าเตรียมทหารมันจะไม่ซีเรียสขนาดนั้น ทำใจให้สบาย ๆ ไม่ต้องคิดซับซ้อนครับ พักผ่อนเยอะ ๆ และการตัดสินการสอบวิภาววิสัย คือ "ผ่าน" กับ "ไม่ผ่าน" เท่านั้นนะครับ

3.การสอบพลศึกษา
การสอบพลศึกษานี้เป็นด่านสำคัญเหมือนกันในการฟันฝ่าเข้าสู่รอบสุดท้าย บางคนซ้อมมาดี แต่วันจริงระงับความตื่นเต้นไม่ไหว ทำได้น้อยกว่าที่ซ้อมมาก็มีเยอะ บางคนไม่ได้ซ้อมมาแล้วเหนื่อยหอบแฮ่ก ๆ ผ่านบ้าง ตกบ้างก็เยอะ อย่างที่แอดมินแนะนำไปนะครับ ซ้อมร่างกายไว้ก่อน เอาให้พออยู่ตัว แล้วมาเพิ่มความหนักหน่วงช่วงหลักจากสอบรอบแรกเสร็จ ส่วนการสอบพลศึกษาจะมีทั้งหมด 8 สถานี ดังนี้ครับ



  • ดึงข้อราวเดี่ยว ดึงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ โดยการคว่ำมือโหนราวเดี่ยว แล้วดึงตัวขึ้นให้คางพ้นราว จึงจะนับ 1 ครั้ง โดยห้ามเหวี่ยงตัว ห้ามตะเกียกตะกาย เดี๋ยวกรรมการจะไม่นับนะครับ เปลืองแรงเปล่า ๆ ตัวอย่างจากคลิปนะครับ


  • วิ่งกลับตัว (วิ่งเก็บของ) โดยการวิ่งเก็บท่อนไม้ ซึ่งจะวางอยู่ในวงกลมสองวง ระยะห่างกัน 10 เมตร วงกลมวงแรกมีท่อนไม้อย่างอยู่ 2 อัน อีกวงไม่มีท่อนไม้ เมื่อได้รับสัญญาณ ก็หยิบท่อนไม้จากวงกลมแรกไปวางในวงกลมที่สอง แล้ววิ่งกลับมาหยิบท่อนไม้อีกอัน แล้ววิ่งไปที่วงกลมที่สอง แต่ไม่ต้องวางนะครับ วิ่งผ่านไปเลย ยิ่งวิ่งเร็วก็ยิ่งคะแนนเยอะ

  • ลุกนั่ง (หรือซิตอัพนั่นแหละ) นอนหงายบนเบาะ แล้วทำการซิตอัพให้ซอกขึ้นมาแตะเข่า กรรมการจึงจะนับให้ 1 ครั้ง ทำให้มากที่สุดในเวลา 30 วินาทีนะครับ

  • วิ่ง 50 เมตร ก็วิ่งให้เร็วที่สุดละกันนะครับ ภาษานักเรียนเหล่าเรียกว่า "ปล่อยม้า"

  • ยืนกระโดดไกล ยืนนะครับ ไม่ใช่วิ่งมากระโดดไกล ยืนที่เส้นแล้วแกว่งตัว โดดไปให้ไกลที่สุดครับ

  • นั่งงอตัว ก็คือการนั่งยืดขาตรงไปด้านหน้า แล้วก้มตัวเอามือยืนไปแตะปลายเท้าให้ไกลที่สุด ยิ่งมือเลยปลายเท้าไปมากเท่าไร คะแนนยิ่งมากครับ

  • วิ่ง 1,000 เมตร หรือ 1 กม.นั่นแหละครับ อันเนี้ยแอดมินเหนื่อยสุดเลยครับ ขอบอก ตอนสอบนี่เล่นเอาลิ้นห้อยเลย แต่ก็ผ่านมาได้

ว่ายน้ำ 50 เมตร ส่วนใหญ่สระว่ายน้ำของโรงเรียนเหล่าจะยาว 50 เมตรอยู่แล้วครับ ถือว่าเป็นสถานีปราบเซียนทีเดียว เพราะเหนื่อยพอสมควร และจะเหนื่อยมากสำหรับคนที่ว่ายน้ำอ่อน หรือไม่ค่อยได้มีโอกาสว่าย จากประสบการณ์ของแอดมินในการสอนกวดวิชา พบว่ามีนักเรียนหลายคนทีเดียว ที่ว่ายน้ำอ่อน บ้างก็มีว่ายน้ำไม่เป็น แอดมินแนะนำนะครับ เด็กควรหัดว่ายน้ำให้เป็นก่อนมาเรียนกวดวิชา หรือไปสอบจริง เพราะการตั้งใจมาหัดว่ายน้ำตอนเรียนกวดวิชาทำให้เสียเวลาเรียนมากนะครับ

ส่วนคะแนนแต่ละสถานีนี่ แต่ละเหล่าทัพกำหนดไว้ไม่เท่ากันครับ รายละเอียดสามารถดูได้จากระเบียบการรับสมัครสอบที่เราไปซื้อมาครับ

4.การสัมภาษณ์ท่วงทีวาจาและความเหมาะสม

อันนี้เป็นการสอบที่หลาย ๆ คนกลัว เพราะว่าไม่รู้ว่ากรรมการจะถามอะไร จะพบเจอกรรมการแบบไหน แต่แอดมินขอเสนอว่าไม่ต้องกังวลครับ ทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เต็มที่ กรรมการท่านถามอะไรมาก็ตอบไปแบบนั้น บางอย่างมั่วก็ได้ครับ ไม่ต้องเอาถูกเป๊ะ เช่น ถามเรื่องทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับการเรียนของเรา ชีวิตประจำวัน แนวคิด ทัศนคติ แต่ก็ไม่ใช่ว่านอนรอสบายใจก่อนไปสอบสัมภาษณ์นะครับ ความรู้ทางทหารเบื้องต้นก็ควรจะมีบ้าง เช่นรายชื่อ ผบ.ทบ. ผบ.ทหารสูงสุด ไรเงี้ย หรือไม่ก็ชื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงเนี่ย ควรจะทราบเอาไว้บ้าง หรือข่าวสารบ้านเมือง อ่านเอาคร่าว ๆ พอครับ ไม่ต้องทุกตัวหนังสือในหนังสือพิมพ์ เลือกเฉพาะข่าวเด่น ๆ ก็พอ

เวลากรรมการท่านสั่งอะไรก็ขอให้ปฏิบัติตามโดยเร็วครับ องอาจผึ่งผาย เสียงดังฟังชัด แสดงถึงความมั่นใจ จะมาเป็นทหารแล้ว มาหงอยได้ยังไง จริงไหมครับ ตั้งสติให้ดี อย่าลนลาน ชิล ๆ ครับ แนะนำไว้ก่อน การตรวจโรคและการสอบสัมภาษณ์นี่ มีแก้ผ้าแน่นอนครับ แต่ไม่ต้องอาย กรรมการก็ผู้ชายทั้งนั้น หัดแก้ผ้าไว ๆ ไว้ครับ 555 ต่อไปก็เป็นคลิปแนะนำการสอบสัมภาษณ์ของเหล่า ทบ.นะครับ

เมื่อผ่านการสอบเหล่านี้แล้ว สุดท้ายก็รอลุ้นกันอีกทีล่ะครับ ว่าการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านรอบสุดท้ายนั้น จะมีชื่อเราติดหรือเปล่า แอดมินขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเองนะครับ การพบว่ามีชื่อตนเองสอบติดแล้วมันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีวันลืมเลยครับ เนื่องจากแอดมินเหนื่อยมากตอนเตรียมตัวอ่านหนังสือ ก็เลยอยากให้กำลังใจน้อง ๆ ทุกคนให้ฟันฝ่ามันไปให้ได้ ขอฝากคำคมไว้นิดนึงนะครับ "คนไม่เคยลำบาก ขึ้นไปอยู่บนที่สูงไม่ได้"

สำหรับตอนหน้า แอดมินจะมาเล่าเกี่ยวกับเทคนิคการเรียนกวดวิชาให้ได้ดี คาดว่าหลาย ๆ คนคงเริ่มมองหาที่เรียนพิเศษกันแล้ว ยังไง ๆ ก็ลองเอาเทคนิคจากแอดมินไปใช้นะครับ

2 ความคิดเห็น: